ชีวิตในเมืองใหญ่

หลายคนเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยจบแล้วก็ต้องรีบเร่งหางานทำ เพื่อที่จะมีอนาคตที่ดีขึ้น หลายคนมีความฝันที่อาจทำให้สำเร็จก่อนที่ตัวเองจะอายุไปมากกว่านี้ หลายคนต้องวิ่งเข้าเมืองใหญ่ เพื่อหางานและใช้ชีวิตที่ตัวเองอยากใช้ แต่ทว่าการเดินทางครั้งใหม่ของพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่อาจราบรื่นเสมอไป

ฟ้าสลัวๆ เป็นเวลา 6 นาฬิกาของวันหนึ่งในช่วงเดือนมิถุนายน บรรยากาศวันนี้ก็เหมือนในทุกๆ วัน ชายหนุ่มคนหนึ่งเก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางเข้าไปทำงานในเมืองกรุง เมืองศิวิไล เมื่อที่เต็มไปด้วยผู้คน รถรามากมาย เขาคนนี้ก็กำลังจะเป็นหนึ่งในผู้ที่จะเข้าไปอยู่อาศัย ณ ที่แห่งนั้น 

“เด็กทางปลอดภัยเด้อลูกหลา” เสียงยายที่มารอส่งขึ้นรถที่หน้าบ้าน เอ่ยขึ้นมาพร้อมเขาโผกอดหลายชาย บีบมือ และกอดหอมกันก่อนที่จะลากันจริงๆ 

ก่อนเดินทางออกจากบ้านเขาได้เดินสำรวจบ้านและเช็กของว่าตัวเขาเองได้ลืมอะไรไว้หรือเปล่า ก่อนที่พอเขาจะพาไปไหว้พระในห้องพระ ในใจเขาตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นปนเศร้า เพราะการเดินทางครั้งนี้เขาต้องห่างจากบ้านไปไกลกว่าเดิม ไกลกว่าตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่เขาสามารถขับมอเตอร์ไซต์กลับบ้านเองได้ หรือไม่ก็นั่งรถไฟ โดยใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง

ก่อนขึ้นรถ เขาได้ร่ำลาคนแถวบ้าน และพ่อและแม่ของเขาก็เดินทางมาส่งที่สนามบิน ตลอดระยะเวลาที่ได้เดินทางนั้น เขาเองก็คิดอยู่ในใจเสมอว่า ตัวเองจะทำได้ดีหรือไม่กับงานนี้ แต่ก็ต้องสลัดความคิดนี้ออกไป เพราะหันไปสนใจกับบทสนทนาของผู้เป็นแม่

“จะไปจริงๆ เหรอ” ผู้เป็นแม่เอ่ย เขาตอนนี้ก็รู้ว่าจะตอบอย่างไรแต่เขาก็รู้แค่ว่า ต้องออกไปเพื่อไปหาสิ่งต่างๆ และเรียนรู้ เก็บเกี่ยวมันให้ได้มากที่สุด แต่เขาก็รู้สึกเป็นห่วงผู้เป็นแม่อยู่ว่าถ้าเกิดว่าเขาไปแล้วจริงๆ ใครจะพอแม่ไปหาหมอ จะลงทะเบียนเกษตรยังไง เรื่องที่นาอีก และมีเรื่องมากมายที่คนที่บ้านเขาทำไม่เป็น ต้องพึ่งพาเรา เขาอดห่วงไม่ได้จริงๆ

ระหว่างทางเขามองออกไปที่นอกหน้าต่างของรถ เขาคิดว่าทำไมงานที่อยากทำจริงๆ แถวบ้านมันช่างหายากเย็นขนาดนี้ หรือถ้ามีงานที่พอทำได้เงินเดือนมันชั่งน้อยนิดซะเหลือเกิน บางงานก็ถูกกดขี่จากนายจ้างสารพัด ถ้าเกิดว่ามีงานที่มารองรับสิ่งที่เขาถนัดและอยากทำจริงๆ เขาคงไม่ต้องดิ้นรนออกไปหามันในเมืองใหญ่หรอก เขาก็ได้แต่คิดคนเดียวในใจ

พอใกล้ถึงสนามบินเขารู้สึกใจหายวาบ เพราะเขาจะเดินทางไปจริงๆ แล้ว การเดินทางในครั้งนี้เขาคิดว่ามันใหญ่หลวงมาก การออกไปใช้ชีวิตจริงๆ ไปหาเงินใช้เอง การจากบ้านไปแสนไกล มันทำให้เขาอดกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ แต่เขาก็คิดในใจว่าเขาจะไม่ร้องไห้ เขาจะต้องเข้มแข็ง 

“ไปแล้วนะ เดี๋ยวหนูจะกลับมาหาบ่อยๆ” เสียงผู้เป็นลูกเอ่ยร่ำลาผู้เป็นพ่อแม่และให้คำสัญญาว่าจะกลับมาหาบ่อยๆ แต่มันก็เป็นคำสัญญาที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ สิ้นเสียงนั้นเขาได้กอดลาพ่อและแม่แล้วก็เดินเข้าไปในสนามบิน ก่อนลับสายตาจากผู้เป็นพ่อแม่ เขาได้หันมาโบกมือลา และในตอนนั้นเขาก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้อยู่ 

จาก
ภาพจากหน้าต่างเครื่องบินที่เด็กหนุ่มใช้เดินทาง ภาพโดย วิชัย ตาดไธสงค์

เขาเองก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่พยายามวิ่งค้นหาสิ่งที่อยากทำ และวิ่งตามหาความฝัน การจากลากับคนที่บ้านในครั้งนี้มันเป็นการจากลาที่มีอารมณ์หลากหลาย ทั้งสุข ทุกข์ ตื่นเต้น วิตกอยู่ไม่น้อย เขาต้องจากบ้านที่โอบอุ้มเขามาใช้ชีวิตในเมืองใหญ่คนเดี๋ยว เขาต้องมาเริ่มการเดินทางครั้งใหม่ที่สำคัญอีกครั้ง และเขาเองก็คิดว่าเขาจะต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้