One Night Stand กับกะเทยแล่นไม้

พื้นที่บริเวณหน้าฮ้านหรือหน้าเวทีหมอลำ นอกจากจะเป็นพื้นที่สำหรับการเต้นรำเพื่อความสนุกสนานของมิตรหมอแคนแฟนหมอลำแล้ว บางครั้งมันคือพื้นที่ปะทะของกลุ่มวัยรุ่นเลือดร้อนที่จะใช้หน้าฮ้านเป็นลานประลองกำลังกันแบบเลือดตกยางออก บางครั้งรุนแรงถึงขนาดมีคนตายหน้าเวทีหมอลำ

แต่อีกมิติหนึ่งของหน้าฮ้านหมอลำปัจจุบัน มันกลายเป็นพื้นที่ปลดปล่อยตัวเองของสาวประเภทสองหรือกลุ่มกะเทยที่มาดูหมอลำ นอกจากการวาดลวดลายเต้นรำอย่างเต็มที่แล้ว พวกเธอมีวาระซ่อนเร้นเรื่อง ‘แล่นไม้’ หรือความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน (One Night Stand : ONS) กับผู้บ่าวหน้าฮ้านที่เธอและเขาต่างหมายตากันระหว่างวาดลวดลายหน้าเวที

เดอะลาวเด้อ’ นำเสนอประสบการณ์ฟังลำและแล่นไม้ของ ‘มะนาว’ (นามสมมติ) กะเทยสาวตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนถึงปัจจุบัน เพื่อสะท้อนการต่อรองความสัมพันธ์ทางเพศของกลุ่มคนที่เป็นคนชายขอบของสังคม

เหมารถไปฟังลำ

มะนาว (นามสมมุติ) กะเทยสาววัย 23 ปี ชาวอุบลราชธานี เป็นแฟนพันธุ์แท้ของหมอลำ เริ่มเข้าสู่วงการนี้ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่ยังเป็น ‘กะเทยหัวโปก’ (คำเรียกกะเทยผมสั้น ใช้ในหมู่กะเทยด้วยกัน)

“เริ่มต้นจากตอน ม.5 ที่กลุ่มเพื่อนกะเทยชวนไปดูหมอลำ ตอนแรกก็กลัวอยู่ เพราะได้ข่าวว่ามีการตีกันบ่อย กลัวว่าจะโดนลูกหลง แต่เพื่อนบอกว่าไม่ พวกตีกันเขาก็ตีอยู่ในส่วนของเขา ไม่ได้เกี่ยวกับเรา เลยตัดสินใจออกไป และก็รู้สึกชอบมาตั้งแต่ตอนนั้น”

มะนาวบอกว่า การเข้าสู่วงการหมอลำนับว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ของชีวิต เพราะนอกจากความสนุกของเสียงเพลงแล้ว ยังได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่และเหล่าคุณแม่กะเทยที่อาวุโสกว่า ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตและเคล็ดลับความงาม ซึ่งมะนาวก็เริ่มติดตามข่าวสารและออกไปเอ็นจอยในงานหมอลำนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

“ก็จะมีเฟซบุ๊กแฟนเพจ เป็นเพจของคณะหมอลำ เราก็ติดตามดู หรือไม่ก็ติดตามจากหางเครื่องในวงบ้าง เพจหมอลำของศรีสะเกษ เพจหมอลำของอุบลราชธานี อัปเดตอยู่ทุกวันว่า วงอะไร มีงานที่ไหน อย่างไรบ้าง”

มะนาวเล่าว่าแม้อุบลราชธานีจะมีคนสนใจหมอลำจำนวนมาก แต่ก็ใช่ว่าจะมีหมอลำให้ดูทุกวัน บางครั้งต้องเดินทางไปยังจังหวัดใกล้เคียงอย่างยโสธรหรือศรีสะเกษ โดยรวมเงินกับกลุ่มเพื่อนเพื่อเหมารถไปฟังลำ

“บางทีก็เหมารถ แล้วค่อยหารกันไป ตกคนละ 100 – 200 บาท แต่ถ้าอยู่ในจังหวัดอุบลฯ เราก็จะมอเตอร์ไซค์ของใครของมันเลย”

การไปดูหมอลำนั้นเปรียบเสมือนการได้ไปเที่ยวตามสถานบันเทิง แน่นอนว่าเครื่องแต่งกายและสำอางที่จะประเคนลงตัวย่อมต้องมีความพิเศษ เพื่อดึงดูดสายตาของผู้คน แต่สำหรับมะนาวเองกลับไม่ได้ให้ความสำคัญมากเท่ากับได้ออกไปฟังลำ

“ก็แต่งตัวปกติเลย ไม่เตรียมอะไรมาก แต่ถ้าเป็นชุดก็จะเน้นให้ไม่ซ้ำกัน มีความสวยและเซ็กซี่หน่อย จะไปซื้อเปลี่ยนใหม่เรื่อยๆ แต่ถ้าหากเป็นสถานที่อื่นที่ไม่เคยไป ก็อาจจะใส่ชุดเดิม เพราะเราไม่เคยใส่ไปตรงนั้นอยู่แล้ว”

ย้อมใจก่อนออกไปหน้าฮ้าน

มะนาวเล่าว่าขั้นตอนแรกต้องเป็นการเตรียมให้ตัวเองมีความพร้อม สลัดทิ้งความเขินอายที่มีอยู่ และพยายามสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง โดยเธอและเพื่อนๆ จะซื้อเครื่องดื่มจากร้านบริเวณนั้นมานั่งจิบกันก่อนที่จะเข้าไปยังพื้นที่ด้านหน้าเวทีการแสดง

“ด้วยความที่คนมันเยอะทั้งตัวแม่ (คำเรียกกะเทยที่โดดเด่นทั้งรูปร่างหน้าตา การแสดงออก หรือฐานะทางสังคม เป็นต้น /ซึ่งตัวแม่นั้นเป็นคำที่ใช้เรียกกันในหมู่กะเทยและกลุ่มวัยรุ่น)ทั้งคนทั่วไป ทั้งหนุ่มๆ เราก็ต้องเต้นให้ใหญ่ที่สุด ให้โดดเด่นที่สุด ทั้งกระโดดเด้า ม้วนเสื่อ ตีลังกา ต้องเต้นประมาณนั้นเลย แข่งกับคนที่นั่น” มะนาวเล่าถึงความเป็นตัวแม่หน้าฮ้านของตนเองและเพื่อนๆ

หน้าฮ้านหมอลำที่เต็มไปด้วยผู้คน ภาพโดย ธนัชชา โยธี

แล่นไม้ – ประสบการณ์ One Night Stand ของกะเทยน้อย

ย้อนกลับไปในวัยมัธยม ครั้งแรกที่มะนาวรู้จักความสัมพันธ์แบบ ONS (One night stand คือความสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืน) หรือศัพท์กะเทยเรียกว่า ‘แล่นไม้’

“เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เพราะเพื่อนชวนไป ตอนแรกก็เขินอายบ้าง กลัวบ้าง ไม่มั่นใจในตัวเองว่าผู้ชายจะชอบไหม แต่พอผู้ชายเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เราก็เลยมีความมั่นใจมากขึ้น ก็เลยแล่นไม้มาเรื่อยๆ แต่ตอนเด็กน้อยก็ไม่ได้แล่นไม้อะไรบ่อยขนาดนั้น เพราะตอนนั้นก็ทั้งอายและกลัวด้วย ต่างจากตอนนี้  ตอนเด็กเรายังน่ารัก ผู้ชายเขาจะชอบแนวสาว ม.ปลาย เราไว้ผมบ๊อบพอดี แต่พอมาทุกวันนี้มันก็เปลี่ยนไป ไม่ค่อยบูมเท่าเมื่อก่อนแล้ว”

หลังจากที่สนุกกับการเต้นหน้าฮ้าน สักพักมะนาวและกลุ่มเพื่อนกะเทยก็เริ่มปฏิบัติการแล่นไม้ ตีสนิทกับผู้ชายที่มีความสนใจในพวกเธอ

“พอเริ่มเมาเราก็จะกล้าแสดงออก และเราก็จะดูผู้ชายก่อนว่าเขาจะมาทำอะไร เมาไหม เพราะบางคนเขาเล่นด้วยกับเรา แต่บางคนคือไม่เลย เราต้องดูเชิงก่อน ถ้าเดินผ่านไปแล้วเขายิ้มให้หรือเขาแซวเราหรือมองเราไหม ถ้าใช่ก็แปลว่าได้ แต่ถ้าผ่านไปแล้วเขายังเฉย อันนี้ก็ไม่ได้แล้วค่ะ เราจะไม่แล่นไม้กับคนนี้” มะนาวเล่าถึงวิธีการเลือกดูคนให้เหมาะสมกับการแล่นไม่ ก่อนจะเล่าต่ออีก ถึงเทคนิคของการดีลผู้ชายที่เธอต้องการ

“เราจะชวนเขาคุยก่อนว่าเธอมาจากไหน เป็นคนที่ไหน พาเราไปที่นี่หน่อยได้ไหม อะไรประมาณนี้ ถ้าเขาโอเคก็จะบอกให้เราเดินไปรอก่อนได้เลย แบ่งกันเป็นคู่ไปเลย แต่ก็จะมีบ้างที่แชร์กับเพื่อน เราก็จะถามผู้ชายก่อนว่าเพื่อนเราด้วยได้ไหม ถ้าเขาตกลงก็ค่อยเรียกเพื่อนเข้าไป แต่ก็ไม่ได้มีการแชร์กันบ่อยเท่าไหร่ ส่วนมากก็ของใครของมันเลย”

สำหรับสถานที่จะเน้นเป็นบริเวณที่มีความใกล้ๆ ที่ลับตาผู้คนมากที่สุด อาจจะเป็นในป่าหรือในห้องน้ำ เนื่องจากบริเวณที่หมอลำทำการแสดงส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ห่างไกลจากโรงแรม ซึ่งเวลาโดยเฉลี่ยของการออกไปม่วนที่งานหมอลำแต่ละครั้งนั้น มะนาวกับเหล่าแก๊งเพื่อนกะเทยจะเริ่มต้นที่ 3 ทุ่ม ก่อนที่จะจบลงประมาณตีห้าถึงหกโมงเช้า

กระบวนการต่อรอง : เลือกผู้ชาย หรือผู้ชายเลือก

มะนาวเปิดเผยว่า การแล่นไม้ของกะเทยหน้าเวทีหมอลำเป็นการต่อรองทางเพศที่ทั้งสองฝ่ายคือทั้งกะเทยและฝ่ายชายต่างเป็นผู้เลือกคู่สัมพันธ์ชั่วคืน

“มันก็แล้วแต่โอกาส บางทีเราก็เลือกเขา บางทีเขาก็เลือกเรา เพราะเหมือนว่าเราอยู่กับเพื่อนหลายคนแล้วแย่งกันดีล ผู้ชายจะถามว่าขอคนนี้ได้ไหม ถ้าเราโอเคก็จะเดินออกไปด้วย และส่วนใหญ่ก็จะเป็นเราที่เป็นฝ่ายเลือก”

มะนาวเล่าต่ออีกว่า ผู้ชายที่เลือกมานั้นค่อนข้างเป็นคนที่ให้เกียรติเธอ ไม่ได้มีการข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย หรือใช้คำหยาบอะไร เพราะต่างคนก็มีจุดประสงค์ที่เหมือนกันอย่างชัดเจนอยู่แล้ว เป็นความแตกต่างจากสังคมภาพนอกที่ผู้ชายบางคนยังดูถูกกะเทย

สำหรับเรื่องของความปลอดภัยจากการมีความสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืนนั้น มะนาวค่อนข้างให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก “เราต้องมีการป้องกันตลอด เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร มีประวัติอะไรมาบ้าง ต้องป้องกัน แต่ก็มีบางครั้งที่พลาดไป เพราะเมามาก ตอนนั้นก็ตกใจนะ พยายามคิดหาทางออก เลยตัดสินใจไปตรวจร่างกาย ตรวจอยู่บ่อยๆ ปีละสองครั้ง ผลออกมาก็ไม่เป็นอะไร”

และในส่วนของข้อแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ชายกับตัวมะนาวนั้นเป็นไปตามการตกลงกัน “บางครั้งก็จะพากันไปนั่งเล่นที่เถียงนาก่อน ไปกินต้มไก่ เลี้ยงเหล้าผู้ชายสัก 2 – 3 ขวด แต่ถ้าคนเยอะก็จะมากกว่านั้นหน่อย ไปเกือบทุกวันก็ได้ทุกครั้ง ไม่ต้องใช้เงินจ่าย เสร็จกิจก็แค่แยกย้ายกันออกมา”

อย่างไรก็ตาม การออกมาแล่นไม้ตามงานแสดงหมอลำของมะนาวและเพื่อนๆ อาจจะไม่ได้เป็นเพียงเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าพวกเธอเหล่านี้กำลังพยายามปลดแอกตัวเองออกจากกรอบสังคมชายเป็นใหญ่ ทำลายภาพจำของการที่กะเทยถูกสร้างขึ้นมาให้กลายเป็นเพียงตัวตลก เพราะในบริบทเช่นนี้ มะนาวกลับเป็นผู้ที่มีโอกาสได้เลือกมากกว่าผู้ชาย นั่นจึงแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าวัฒนธรรมการแล่นไม้มีอะไรซ่อนอยู่มากกว่าที่เราคิด

หมายเหตุ : บทความชิ้นนี้อยู่ในโครงการ Journalism that Builds Bridges (JBB) สนับสนุนโดย สถานทูตเนเธอร์แลนด์ สถานทูตฟินแลนด์ สถานทูตนิวซีแลนด์ UNDP และ UNESCO